Author name: admin

บ้านแถว ตึกแถว ห้องแถว ต่างกันอย่างไร-Real plus รับทำ feasibility โครงการอสังหาริมทรัพย์ (1)

ห้องแถว บ้านแถว ตึกแถว ต่างกันอย่างไร

ความหมาย ของห้องแถว ตึกแถว และ บ้านแถว 1. ห้องแถว คือ อาคารที่ก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาวตั้งแต่สองคูหาขึ้นไปมีผนังแบ่งอาคารเป็นคูหา และประกอบด้วยวัสดุไม่ทนไฟเป็นส่วนใหญ่ 2. ตึกแถว คือ อาคารที่ก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาวตั้งแต่สองคูหาขึ้นไปมีผนังแบ่งอาคารเป็นคูหาและประกอบด้วยวัสดุทนไฟเป็นส่วนใหญ่ ความแตกต่างระหว่าง “ตึกแถว” กับ “ห้องแถว” “ห้องแถว” ประกอบด้วยวัสดุไม่ทนไฟเป็นส่วนใหญ่ แต่ “ตึกแถว” ประกอบด้วยวัสดุทนไฟเป็นส่วนใหญ่ วัสดุทนไฟก็คือ วัสดุก่อสร้างที่ไม่เป็นเชื้อเพลิงนั่นเอง ดังนั้น หากมีการดัดแปลงตึกแถว หรือห้องแถว เป็นสถานที่เก็บสินค้า หรือค้าขาย ต้องคำนึงถึงวัสดุก่อสร้างด้วยว่า ไม่เป็นเชื้อเพลิงหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย นอกจากจะต้องรู้ประเภทของอาคารแล้ว สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม คือ สีของผังเมือง 3. บ้านแถว คือ ห้องแถวหรือตึกแถวที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีที่ว่างด้านหน้าและด้านหลังระหว่างรั้ว หรือแนวเขตที่ดินตัวอาคารแต่ละคูหา และมีความสูงไม่เกินสามชั้น กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะของอาคาร ในกฎกระทรวงฉบับนี้ มีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของอาคารที่ชัดเจน โดยเฉพาะในข้อ 2 […]

ห้องแถว บ้านแถว ตึกแถว ต่างกันอย่างไร Read More »

Realplus-ที่ปรึกษาโครงการอสังหา-Feasibility (16)

การโอนถนนในโครงการจัดสรรให้เป็นถนนสาธารณะ

      การโอนถนนในโครงการจัดสรรที่ดินที่ได้รับใบนุญาตจัดสรร ให้กลายเป็นถนนสาธารณประโยชน์นั้น จะไม่สามารถทำได้โดยทันที เนื่องจากมีพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543  กำหนดให้ผู้จัดสรรที่ดิน มีหน้าที่ต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคในโครงการจัดสรรที่ดิน หากต้องการพ้นจากหน้าที่ในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค จะต้องดำเนินการตามลำดับ ดังนี้ 1. แจ้งและจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร       ผู้จัดสรรที่ดินมีหน้าที่ต้องแจ้งผู้ซื้อที่ดินในโครงการ เพื่อดำเนินการจัดตั้ง นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 หรือ นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น เพื่อรับโอนทรัพย์สิน เช่น ถนนและสาธารณูปโภคต่างๆ ไปจัดการและบำรุงรักษา โดยมีเงื่อนไขดังนี้ ผู้จัดสรรต้องกำหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน นับตั้งแต่วันที่แจ้งแก่ผู้ซื้อ เพื่อให้มีการจัดตั้งนิติบุคคลดังกล่าว 2. เสนอมาตรการอื่นหากจัดตั้งนิติบุคคลไม่ได้       หากผู้ซื้อที่ดินในโครงการไม่สามารถจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้ตามที่กำหนด ผู้จัดสรรที่ดินต้องเสนอแผนหรือวิธีการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคต่อ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด เพื่อพิจารณาแผนดังกล่าว เช่น การดูแลรักษาโดยหน่วยงานเอกชน การตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการบำรุงรักษา ทั้งนี้ แผนหรือมาตรการที่เสนอจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดก่อน หากแผนที่เสนอไม่ได้รับการอนุมัติ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนถัดไป 3. ผู้จัดสรรที่ดินขอจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็น

การโอนถนนในโครงการจัดสรรให้เป็นถนนสาธารณะ Read More »

กลยุทธลงทุนในที่ดินเปล่า-real plus รับทำ feasibility (1)

การแบ่งแยกที่ดินให้เช่าและขาย

      การแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อยเพื่อให้เช่าหรือขายนั้นควรมีการวางแผนตั้งแต่แรก หากดำเนินการไม่ถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมาย พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการดำเนินการที่ถูกต้องในการแบ่งแปลงสำหรับให้เช่า และขาย 1.การแบ่งแยกที่ดินเพื่อให้เช่า       การแบ่งแยกที่ดินเพื่อให้เช่า ไม่ถือว่าเป็น “การจัดสรรที่ดิน” ตามกฎหมาย เนื่องจากไม่มีวัตถุประสงค์ในการจำหน่าย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้อง เจ้าของที่ดินควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ ต้องแสดงหลักฐาน และให้ข้อมูลแก่สำนักงานที่ดินในพื้นที่เพื่อพิสูจน์ว่าการแบ่งแยกนั้นไม่ใช่เพื่อจัดสรรที่ดิน เช่น มีสัญญาเช่าแบบระยะยาวที่ระบุวัตถุประสงค์ชัดเจน หรือ มีเอกสารแสดงเจตนาว่าจะไม่ขายที่ดิน ปฏิบัติตามข้อกำหนดในพื้นที่ การแบ่งแปลงย่อยต้องไม่ขัดต่อผังเมืองหรือข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่นั้นๆ เช่น พื้นที่ต้องเป็นโซนที่อนุญาตให้ใช้เพื่อพาณิชย์หรือที่อยู่อาศัย เป็นต้น 2. การขายที่ดินในภายหลัง      แม้ว่าที่ดินที่แบ่งแยกไว้เพื่อให้เช่าในตอนแรกจะไม่ได้เข้าข่ายการจัดสรรที่ดิน แต่หากในอนาคตมีการซื้อขายแปลงย่อยในภายหลัง อาจถูกจัดให้เข้าข่ายเป็น “การจัดสรรที่ดิน” เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่า การแบ่งแยกที่ดินตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไปเพื่อขายนั้นถือว่าเป็นการจัดสรรที่ดิน ซึ่งเจ้าของที่ดินก็สามารถขายได้แต่ต้องดำเนินการเข้าจัดสรรตามกฎหมาย ซึ่งมีกระบวนการดังนี้ การขออนุญาตจัดสรรที่ดิน เจ้าของที่ดินต้องยื่นคำขออนุญาตจัดสรรที่ดินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน น้ำประปา ไฟฟ้า

การแบ่งแยกที่ดินให้เช่าและขาย Read More »

Real plus-สำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์-Feasibility Study-ศึกษาความเป็นไปได้ (7)

5 เหตุผลที่”Feasibility Study”สำคัญต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์

การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มต้นจากการทำ Feasibility Study หรือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้กับโครงการ และช่วยลดความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1. ประเมินความคุ้มค่าทางการเงิน (Financial Feasibility) การทำ Feasibility Study ช่วยให้เจ้าของโครงการทราบถึงความคุ้มค่าทางการเงิน ผ่านการวิเคราะห์กระแสเงินสด (Cash Flow) รายได้-รายจ่าย และระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างแม่นยำ ประโยชน์จากการใช้บริการที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยวิเคราะห์โครงการอสังหาอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลตอบแทนที่แท้จริง 2. วิเคราะห์ตลาดและความต้องการของลูกค้า (Market and Customer Analysis) หัวใจสำคัญของ Feasibility Study คือการศึกษาด้านการตลาดและวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น การวิเคราะห์คู่แข่งในพื้นที่ รูปแบบโครงการที่เหมาะสม วิเคราะห์กำลังซื้อของลูกค้า รวมถึงการตั้งราคาขายที่เหมาะสมและเป็นไปได้สูงสุด การมี ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ช่วยให้นักพัฒนาอสังหาฯ ได้รับข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มตลาดที่แม่นยำ เพิ่มโอกาสในการสร้างโครงการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ 3. ลดความเสี่ยงทางด้านกฎหมายและเงื่อนไขอื่นๆ (Legal Feasibility) Feasibility Study  จะมีการตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น

5 เหตุผลที่”Feasibility Study”สำคัญต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ Read More »

ที่ว่าง 1/6 และ เส้นรอบรูปไม่น้อยกว่า 1/8 เท่า

ระยะร่นอาคารที่สร้างใน กทม L/6 และ L/8

สรุปประเด็นเรื่อง ระยะร่นอาคารที่สร้างใน กทม ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมอาคาร 2544 และ พรบ ควบคุมอาคาร 2544 ข้อ52(3)(6) และข้อ 53 ดังต่อไปนี้ “ข้อ52 อาคารแต่ละหลังหรือแต่ละหนวยต้องมีที่ว่างตามที่กำหนดดังต่อไปนี้ (3) ห้องแถวหรือตึกแถว สูงไม่เกิน 3 ชั้นและไม่อยู่ริมทางถนนสาธารณะ ต้องมีที่ว่างด้านหน้าอาคารกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร ถ้าสูงเกิน 3 ชั้น ต้องมีที่ว่างกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ที่ว่างนี้อาจใช้ร่วมกับที่ว่างของห้องแถวหรือตึกแถวอื่นได้ (6) อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า อาคารสาธารณะ อาคารสูงเกิน 2 ชั้นหรือสูงเกิน 8 เมตร ยกเว้นอาคารอยู่อาศัยสูงไม่เกิน 3 ชั้น ที่ไม่อยู่ริมถนนสาธารณะ ให้มีที่ว่างด้านหน้ากว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร อาคารตามวรรคหนึ่งถ้าสูงเกิน 3 ชั้น ให้มีที่ว่างกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ที่ว่างตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องมีพื้นที่ต่อเนื่องกันยาวไม่น้อยกว่า

ระยะร่นอาคารที่สร้างใน กทม L/6 และ L/8 Read More »

โฉนดที่ดินแต่ละประเภท

เอกสารสิทธิที่สามารถขออนุญาตก่อสร้างอาคารได้

เอกสารสิทธิ์ที่ใช้ในการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารได้ มีดังนี้ ในการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร จำเป็นต้องแนบเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ชัดเจน เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน, น.ส. 3, น.ส. 3ก, ส.ค. 1 หรือหนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดินหากเป็นผู้เช่า ซึ่งเอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้องและสิทธิในการใช้ที่ดินนั้นสำหรับการก่อสร้าง โฉนดที่ดิน(น.ส.4) เป็นเอกสารสิทธิที่แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินอย่างสมบูรณ์และชัดเจนที่สุด น.ส. 3 เป็นเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย น.ส. 3 ก เป็นเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองที่ดินในส่วนที่ยังไม่ได้ออกโฉนด ส.ค. 1 เป็นเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองที่ดินของรัฐ หนังสือสัญญาเช่า ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่เช่าที่ดินอยู่ จะต้องมีหนังสือสัญญาเช่าที่ระบุสิทธิในการก่อสร้างอาคารอย่างชัดเจน พร้อมทั้งหนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดิน ขั้นตอนการยื่นขออนุญาตก่อสร้างบ้าน ยื่นคำร้องที่สำนักงานเขตหรือหน่วยงานท้องถิ่น  ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ตั้งของบ้าน เช่น กรุงเทพมหานคร เทศบาล หรือสำนักงานท้องถิ่นในจังหวัดอื่น ๆ ตรวจสอบแบบแปลนก่อสร้าง  เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบแบบแปลนเพื่อให้แน่ใจว่าอาคารสอดคล้องกับกฎหมายผังเมืองและข้อบังคับด้านความปลอดภัย แก้ไขแบบแปลนในกรณีไม่ผ่าน  หากมีข้อขัดแย้งหรือไม่ตรงตามกฎหมาย จำเป็นต้องแก้ไขและยื่นขอใหม่จนกว่าจะได้รับอนุญาต ดำเนินการก่อสร้าง เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว จึงสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ โดยควรมีการเก็บสำเนาใบอนุญาตให้ครบถ้วน ระหว่างการก่อสร้าง ควรปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้านหรือชุมชน เช่น การควบคุมเสียงและความปลอดภัยในการก่อสร้าง หลักฐานที่ต้องเตรียมในการยื่นขออนุญาต แบบคำขออนุญาตก่อสร้าง (แบบ ข.1) แบบแปลนบ้าน  ต้องได้รับการรับรองจากสถาปนิกและวิศวกรหากพื้นที่เกินกำหนด หนังสือรับรองการออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง เอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน 

เอกสารสิทธิที่สามารถขออนุญาตก่อสร้างอาคารได้ Read More »

ที่ดินใช้สร้างอาคารสูง-อาคารขนาดใหญ่-Realplus (4)

ลักษณะที่ดินที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษเกี่ยวกับลักษณะแปลงที่ดินแบ่งเป็น 2 กรณีหลักดังนี้ 1. กรณีอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นไม่เกิน 30,000 ตารางเมตร ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารต้องมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 10 เมตร และยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีเขตทางกว้าง ไม่น้อยกว่า 10 เมตร ที่ดินด้านที่ติดถนนสาธารณะต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ยาวต่อเนื่องโดยตลอดจนถึงบริเวณที่ตั้งของอาคาร และที่ดินนั้นต้องว่างเพื่อสามารถใช้เป็นทางเข้าออกของรถดับเพลิงได้โดยสะดวก 2. กรณีอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นเกิน 30,000 ตารางเมตร ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารต้องมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร ที่ดินด้านที่ถนนสาธารณะต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ยาวต่อเนื่องโดยตลอดจนถึงบริเวณที่ตั้งของอาคาร และที่ดินนั้นต้องว่างเพื่อสามารถใช้เป็นทางเข้าออกของรถดับเพลิงได้โดยสะดวก ที่มา กรมโยธาธิการและผังเมือง

ลักษณะที่ดินที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ Read More »

กฏหมายบันไดหนีไฟ 6

กฎหมายเกี่ยวกับบันไดหนีไฟ

กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 ได้กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับบันไดหนีไฟเพื่อความปลอดภัยในอาคารสูง โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้ อาคารสูงตั้งแต่ 4 ชั้นขึ้นไป (ไม่เกิน 23 เมตร) และอาคารที่สูง 3 ชั้นที่มีดาดฟ้าเหนือชั้น 3 ขนาดเกิน 16 ตารางเมตร นอกจากบันไดหลักแล้ว ต้องมีบันไดหนีไฟที่ทำจากวัสดุทนไฟอย่างน้อย 1 แห่ง โดยมีทางเดินที่ไม่มีสิ่งกีดขวางเข้าถึงได้ บันไดหนีไฟ ควรมีความลาดชันน้อยกว่า 60 องศา ยกเว้นตึกแถวหรือบ้านแถวสูงไม่เกิน 4 ชั้นสามารถมีบันไดหนีไฟที่ลาดชันเกิน 60 องศาได้ และต้องมีชานพักบันไดทุกชั้น 3. บันไดหนีไฟภายนอกอาคาร ต้องกว้างไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร และมีผนังทึบที่ก่อด้วยวัสดุทนไฟ โดยหากบันไดไม่ถึงพื้นชั้นล่างต้องมีบันไดโลหะเลื่อนลงมาถึงพื้นชั้นล่างได้ 4. บันไดหนีไฟภายในอาคาร ต้องกว้างไม่น้อยกว่า 80 เซนติเมตร และมีผนังทึบที่ทำจากวัสดุทนไฟกั้นโดยรอบ มีช่องระบายอากาศที่เปิดได้ไม่น้อยกว่า 1.4 ตารางเมตรต่อชั้น พร้อมแสงสว่างเพียงพอตลอดวัน 5. ประตูหนีไฟ ต้องทำจากวัสดุทนไฟ กว้างไม่น้อยกว่า

กฎหมายเกี่ยวกับบันไดหนีไฟ Read More »

รังวัดสอบเขต -Realplus-ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ (5)

รังวัดที่ดินคืออะไร

การรังวัดที่ดินคืออะไร       การรังวัดที่ดินคือการกำหนดขอบเขตที่แน่นอนของที่ดินตามโฉนดโดยเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของที่ดินทราบแนวเขตที่ดินและป้องกันการขัดแย้งจากปัญหาการรุกล้ำที่ดินใกล้เคียง เจ้าของที่ดินควรดำเนินการรังวัดทุกๆ 10 ปี เพื่อป้องกันปัญหาการหาหมุดเขตไม่เจอ และแน่ใจว่าเนื้อที่ดินตรงตามโฉนด การรังวัดที่ดินออนไลน์       ปัจจุบันสามารถจองคิวรังวัดที่ดินออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน e-QLands ที่พัฒนาโดยกรมที่ดิน หรือ สามารถเข้าไปขอทำเรื่องรังวัดที่ดินได้ ณ กรมที่ดินในพื้นที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ก็ได้ ประเภทของการรังวัดที่ดิน การรังวัดที่ดิน แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ รังวัดสอบเขต – ตรวจสอบเขตที่ดินว่าเนื้อที่ตรงตามโฉนดหรือไม่ และหาแนวหลักเขตที่ดินที่อาจหายไป หรือ ไม่สามารถหาพบ รังวัดแบ่งแยก – สำหรับแบ่งแยกที่ดินขนาดใหญ่เพื่อขายหรือแบ่งเป็นมรดก รังวัดรวมโฉนด – รวมโฉนดที่ดินแปลงที่ติดกันให้เป็นฉบับเดียวกัน ขั้นตอนการรังวัดที่ดิน ขั้นตอนการรังวัดที่ดินมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การยื่นคำขอที่สำนักงานที่ดิน นัดวันรังวัด แจ้งเจ้าของที่ดินข้างเคียง และชำระค่าใช้จ่าย ไปจนถึงการจดทะเบียนเพื่อปรับปรุงข้อมูลโฉนดให้ถูกต้องตามเนื้อที่จริง ค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน ค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดินมีหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมในการออกโฉนดและตรวจสอบเนื้อที่ รวมถึงค่าพาหนะเดินทางและค่าเบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ หากมีการขอรวมโฉนดหรือแบ่งแยกที่ดินเพิ่มเติม อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับพื้นที่และประเภทการรังวัด ประโยชน์ของการรังวัดที่ดิน

รังวัดที่ดินคืออะไร Read More »

Realplus-ที่ปรึกษาโครงการอสังหา-Feasibility (16)

โครงการจัดสรร และไม่จัดสรร ต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างระหว่างโครงการจัดสรรและโครงการไม่จัดสรรสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน ดังนี้ 1. ด้านรูปแบบโครงการ โครงการจัดสรร เป็นโครงการที่แบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อยตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไปตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน และมีการพัฒนาสาธารณูปโภค เช่น ถนนส่วนกลาง ระบบระบายน้ำ สวนสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โครงการไม่จัดสรร เป็นโครงการที่มีการแบ่งแปลงที่ดินน้อยกว่า 10 แปลง หรือเป็นการพัฒนาโครงการที่ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน ทำให้สามารถพัฒนาและขายได้เร็วกว่า โดยไม่มีข้อบังคับเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง 2. ขนาดที่ดิน โครงการจัดสรร มีกำหนดขนาดขั้นต่ำของแปลงที่ดินที่ขาย เช่น บ้านเดี่ยวจะต้องมีขนาดที่ดินไม่น้อยกว่า 50 ตารางวา บ้านแฝด 35 ตารางวา และทาวน์เฮาส์ 16 ตารางวา โครงการไม่จัดสรร ไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับขนาดที่ดินขั้นต่ำ ดังนั้นนักพัฒนาสามารถแบ่งแปลงที่ดินตามความเหมาะสมได้โดยไม่มีข้อบังคับจากกฎหมาย 3. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โครงการจัดสรร ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 และข้อกำหนดเกี่ยวกับการพัฒนาสาธารณูปโภคและพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงต้องขออนุญาตจัดสรรที่ดินจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โครงการไม่จัดสรร ไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน แต่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง 4. พื้นที่ส่วนกลาง โครงการจัดสรร จะต้องมีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สวนสาธารณะ

โครงการจัดสรร และไม่จัดสรร ต่างกันอย่างไร Read More »