Author name: admin

Realplus-ธุรกิจโรงแรม (1)

เริ่มต้นทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท

เริ่มต้นธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และการวางแผน สำหรับใครที่กำลังคิดจะเริ่มต้นธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ท นั้น ควรเน้นให้ความสำคัญของการวางแผนและเตรียมตัวอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลและคำแนะนำจากประสบการณ์ตรง เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นธุรกิจโรงแรมเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จมีดังนี้ 1. การวางแผน วิเคราะห์ สำรวจตลาด Feasibility study       เราใช้เวลา 80% ในการวางแผนและ 20% สำหรับการลงมือทำครับ การวางแผนในที่นี้หมายรวมถึงการหาข้อมูล การติดต่อหน่วยงานราชการ เตรียมเอกสาร หาผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ วางแผนการออกแบบโรงแรมหรือรีสอร์ท รวมถึงระบบบริหารจัดการต่าง ๆ อย่างระบบรักษาความปลอดภัยและการป้องกันทุจริต       วางแผนก่อนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราคือใคร เช่น นักท่องเที่ยวไทยหรือชาวต่างชาติ ครอบครัว หรือนักธุรกิจ การระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้การออกแบบและบริการของโรงแรมตรงใจลูกค้ามากที่สุด 2. ให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้ง        ทำเลที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จครับ ทำเลที่ตั้งควรอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ  หรือบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ แต่หากอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลัก คุณอาจต้องหาจุดเด่นของโรงแรมเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ทำเป็นโรงแรมเฉพาะกลุ่มเซลล์ขายของที่ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ เป็นต้น 3. ไฟฟ้าและน้ำประปา […]

เริ่มต้นทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท Read More »

Realplus-ธุรกิจโรงแรม (2)

ลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมอย่างไรให้คุ้มค่าในพื้นที่ท่องเที่ยว

1. ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำโรงแรมต่างๆ เช่น กฎหมายผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคาร หากอยู่ใกล้เขตป่าหรือทะเล ควรตรวจสอบกฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ข้อกำหนดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อจะได้สามารถทราบได้ว่าเราสามารถสร้างโครงการได้ตามเงื่อนไขของกฎหมากำหนดหรือไม่ และยังได้ทราบอีกว่าเราสามารถสร้าอาคารสูงได้กี่ชั้น สามารถมีพื้นที่ใช้สอยได้เพียงใด 2. วิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย       การวิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้เราสามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดและการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและแนวโน้มตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึงมีประเด็นสำคัญๆดังนี้ 2.1 การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis) การศึกษาแนวโน้มตลาด ศึกษาว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมในพื้นที่นั้นมีแนวโน้มเติบโตหรือถดถอยในช่วงเวลาใด อาจพิจารณาปัจจัยเช่น ฤดูกาลท่องเที่ยว, การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ, การพัฒนาของพื้นที่ หรือสถานการณ์โลก เช่น โรคระบาด การแข่งขันในตลาด ลงพื้นที่ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลของโครงการโรงแรมต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับคู่แข่งโรงแรมในพื้นที่ เช่น โรงแรมระดับเดียวกัน, โรงแรมหรู, หรือโฮสเทล พิจารณาราคาปล่อยเช่า ,ขนาดห้อง,การออกแบบ,บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่โรงแรมเหล่านั้นให้ เพื่อดูว่าพวกเขานำเสนอบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร และจุดแข็งจุดอ่อนของพวกเขาเป็นอย่างไร ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งของแต่ละโครงการ โดยโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลักหรือแหล่งธุรกิจสำคัญจะมีโอกาสดึงดูดลูกค้ามากกว่า นอกจากนี้ ควรวิเคราะห์ศักยภาพในการขยายตัวของพื้นที่ เช่น การพัฒนาของเมือง, สิ่งอำนวยความสะดวกในท้องถิ่น,

ลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมอย่างไรให้คุ้มค่าในพื้นที่ท่องเที่ยว Read More »

Realplus-ที่ปรึกษาโครงการอสังหา-Feasibility (16)

10 วิธีเลือกที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร

      การเลือกที่ดินเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร เพื่อให้ได้ที่ดินที่เหมาะสมที่สุดและคุ้มค่ากับการลงทุน เราจะมาแบ่งปัน 10 วิธีเลือกที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ที่สามารถช่วยให้คุณวางแผนและตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น 1. ทำเลที่ตั้งต้องดี       ทำเลคือหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเข้า-ออก ที่ง่าย สะดวกต่อการเดินทาง หรืออยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่นโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล ทำเลที่ดีจะช่วยเพิ่มมูลค่าของโครงการได้ในระยะยาว 2. โครงสร้างพื้นฐานครบครัน       ที่ดินควรมีโครงสร้างพื้นฐานครบ เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ถนนสาธารณะที่สะดวกสบาย เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการ ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินวางระบบสาธารณูปโภคใหม่ รวมทั้งยังเป็นจุดขายที่ดึงดูดลูกค้าได้อีกด้วย 3. ศึกษาแผนพัฒนาพื้นที่ ของภาครัฐ       การตรวจสอบแผนพัฒนาเมืองจากหน่วยงานรัฐหรือโซนนิ่ง (Zoning) เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้แน่ใจว่าที่ดินที่เลือกสามารถพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรได้ และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบในพื้นที่นั้น ๆ 4. ประเมินสภาพภูมิประเทศ       สภาพภูมิประเทศเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น ความลาดเอียงของที่ดิน

10 วิธีเลือกที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร Read More »

Realplus-ที่ปรึกษาโครงการอสังหา-Feasibility (16)

จัดสรรที่ดินคืออะไร

ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน การจัดสรรที่ดิน คือกระบวนการแบ่งพื้นที่ดินผืนใหญ่ให้ออกเป็นแปลงย่อย ๆ เพื่อขายให้กับผู้ซื้อรายต่าง ๆ หรือเพื่อการพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเช่นหมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม หรือพื้นที่พาณิชยกรรมอื่น ๆ การจัดสรรที่ดินมีจุดประสงค์เพื่อทำให้การพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากที่ดินเป็นไปอย่างมีระเบียบและถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่อีกด้วย ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน “การจัดสรรที่ดิน” หมายถึงการจำหน่ายที่ดินซึ่งถูกแบ่งเป็นแปลงย่อย โดยจำนวนแปลงย่อยรวมกันต้องมีตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งจากที่ดินแปลงเดียวหรือหลายแปลงที่มีพื้นที่ติดกัน และต้องได้รับค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์จากการจำหน่ายนั้น นอกจากนี้ หากมีการแบ่งแปลงย่อยไม่ถึง 10 แปลง แต่ภายใน 3 ปี มีการแบ่งแปลงเพิ่มเติมจนรวมกันได้ 10 แปลงหรือมากกว่า กฎหมายก็ถือว่าเป็นการจัดสรรที่ดิน ซึ่งหมายความว่าโฉนดที่ดินที่เคยแบ่งแยกไปแล้ว หากต้องการแบ่งเพิ่มต้องรอ 3 ปีนับจากวันที่แบ่งแยกครั้งสุดท้าย สำหรับการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ต้องมีการจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น เช่น ถนน น้ำ และไฟฟ้า ที่เข้าถึงพื้นที่ทุกแปลง รวมถึงต้องจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางไม่น้อยกว่า 5% ของพื้นที่ขายทั้งหมด ในกรณีที่เป็นโครงการจัดสรรขนาดใหญ่ (มากกว่า 500 แปลงหรือพื้นที่เกิน 100 ไร่) จะต้องมีพื้นที่สำหรับสร้างโรงเรียนอนุบาลขนาดไม่ต่ำกว่า 200 ตารางวา

จัดสรรที่ดินคืออะไร Read More »

ระยะร่นอาคาร บ้านแถว ตึกแถว ทาวน์โฮมและบ้านแฝด (2)

ระยะร่นของตึกแถว-ห้องแถว บ้านแถว และบ้านแฝด

การออกแบบและก่อสร้างอาคาร ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความสวยงามและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องสอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเป้าหมายหลักเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะเรื่องของระยะร่นที่เป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบอาคาร วันนี้ทีมงานของเราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระยะร่นของอาคารต่างๆ ที่เจ้าของโครงการและนักออกแบบควรรู้ เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด คำจำกัดความของอาคารแต่ละประเภท “บ้านแฝด” หมายถึง อาคารที่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและสร้างติดต่อกันสองบ้าน มีผนังแบ่งอาคารเป็นบ้าน มีที่ว่างระหว่างรั้วหรือแนวเขตที่ดินกับตัวอาคารด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้างของแต่ละบ้าน และมีทางเข้าออกของแต่ละบ้านแยกจากกันเป็นสัดส่วน “บ้านแถว” หมายถึง ห้องแถวหรือตึกแถวที่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีที่ว่างด้านหน้าและด้านหลังระหว่างรั้วหรือแนวเขตที่ดินกับตัวอาคารแต่ละคูหา และมีความสูงไม่เกินสามชั้น   “ห้องแถว” หรือตึกแถวหมายถึง อาคารที่ก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาวตั้งแต่สองคูหาขึ้นไป มีผนังแบ่งอาคารเป็นคูหาและประกอบด้วยวัสดุไม่ทนไฟเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าใช้วัสดุทนไฟเป็นส่วนใหญ่กฎหมายจะเรียกเป็น “ตึกแถว” ให้สังเกตว่า อาคารจะถือเป็น “บ้านแถว” ได้นั้นก็ต่อเมื่อต้องใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีความสูงไม่เกินสามชั้น โดยมีที่ว่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ถ้าไม่เข้าเกณฑ์ก็จะถือเป็น “ตึกแถว” หรือ “ห้องแถว” จะเรียกเป็น “บ้านแถว” ไม่ได้ (ที่ต้องเรียกให้ถูกต้องเพราะกฎหมายควบคุมเรื่องระยะร่นแตกต่างกัน) ทั้งบ้านแถว ตึกแถวและห้องแถว กฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้สร้างติดต่อกันเกิน 10 คูหาหรือเกิน 40 เมตรในหนึ่งชุดอาคาร หมายของ ที่ว่าง คือ  พื้นที่ว่างปราศจากสิ่งปกคลุม และมีระดับที่สูงไม่เกิน 1.2 เมตร จากพื้นดิน ระยะร่น คือระยะที่วัดจากจุดที่กำหนดควบคุม วัดระยะไปถึงแนวอาคาร ระยะร่นและที่ว่างโดยรอบของอาคารแต่ละประเภทมีดังนี้ ถ้าด้านหน้าไม่ติดริมถนนสาธารณะ ต้องมี ที่ว่าง

ระยะร่นของตึกแถว-ห้องแถว บ้านแถว และบ้านแฝด Read More »

ระยะห่างระหว่างอาคารบนที่ดินเจ้าของเดียวกัน-กฎหมายควบคุมอาคาร (8)

ระยะห่างระหว่างอาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกัน

ระยะห่างระหว่างอาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกัน จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งระยะห่างระหว่างตัวบ้านจะเป็นเท่าใดนั้นให้พิจารณาจากเงื่อนไขดังนี้ ความสูงของอาคาร ผนังอาคาร (เป็นผนังทึบ หรือมีช่องเปิด) โดยทั้ง 2 กรณีสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบดังนี้ 1.ผนังอาคารทั้งสองมีช่องเปิด ช่องแสง หรือระเบียงทั้งคู่ ผนังของอาคารด้านที่มี ช่องเปิด ช่องแสง หรือ ระเบียงของอาคาร ต้องมีระยะห่างจากผนังของอาคารอื่นด้านที่มี ช่องเปิด ช่องแสง หรือระเบียงของอาคาร ดังต่อไปนี้ (ก) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ผนังหรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ไม่น้อยกว่า 4 เมตร (ข) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ผนังหรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า 5 เมตร (ค) อาคารที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังหรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า

ระยะห่างระหว่างอาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกัน Read More »