หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “อายัดที่ดิน” แล้วเข้าใจไปว่าเป็นการ “ยึดทรัพย์” หรือการถูก “บังคับคดี” ทันที แต่ในความเป็นจริงแล้ว การอายัดที่ดินตามมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่ใช่การยึด แต่เป็นเพียง มาตรการชั่วคราวเพื่อ “กันไว้ก่อน” เพื่อไม่ให้มีการโอน ซื้อขาย หรือทำธุรกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินนั้น จนกว่าผู้เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการทางกฎหมายให้แล้วเสร็จ
การเข้าใจหลักเกณฑ์เรื่อง อายัดที่ดิน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของที่ดิน นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะหากไม่เข้าใจ อาจเสียสิทธิทางกฎหมายโดยไม่รู้ตั
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “อายัดที่ดิน” แล้วเข้าใจไปว่าเป็นการ “ยึดทรัพย์” หรือการถูก “บังคับคดี” ทันที แต่ในความเป็นจริงแล้ว การอายัดที่ดินตามมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่ใช่การยึด แต่เป็นเพียง มาตรการชั่วคราวเพื่อ “กันไว้ก่อน” เพื่อไม่ให้มีการโอน ซื้อขาย หรือทำธุรกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินนั้น จนกว่าผู้เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการทางกฎหมายให้แล้วเสร็จ
การเข้าใจหลักเกณฑ์เรื่อง อายัดที่ดิน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของที่ดิน นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะหากไม่เข้าใจ อาจเสียสิทธิทางกฎหมายโดยไม่รู้ตั
1. ใครมีสิทธิขออายัดที่ดินได้บ้าง?
ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะสามารถยื่นคำขออายัดที่ดินได้ แต่จะต้องเป็น ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับที่ดินแปลงนั้น เช่น
- ผู้ที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน กับเจ้าของ แต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนซื้อขาย เช่น นาย A เป็นผู้จะขาย นาย B เป็นผู้จะซื้อ เมื่อทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว หากนาย A ไม่ทำตามสัญญา ผู้จะซื้อ (นาย B) สามารถร้องขออายัดที่ดินแปลงนี้เอาไว้ก่อนได้ เพื่อป้องกันไม่ให้นาย A เอาไปขายให้ผู้อื่นได้อีก
- ทายาท ที่มีสิทธิจะได้รับมรดกเป็นที่ดิน เช่น เมื่อเจ้าของที่ดินเสียชีวิตแล้วไม่ได้ทำพินัยกรรมระบุว่าที่ดินเป็นของใคร ดังนั้น หากมีผู้มีสิทธิรับมรดกเกินกว่า 1 คน แล้วตกลงกันไม่ลงตัว จึงต้องทำการอายัดที่ดินเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ดินในระหว่างที่ยังไม่ได้จัดตั้งผู้จัดการมรดก
- ผู้มีเอกสารสิทธิหรือหลักฐานชัดเจนที่ยืนยันสิทธิของตน
แต่เจ้าหนี้ทั่วไป ที่แค่ปล่อยกู้เงินให้เจ้าของที่ดิน ไม่สามารถขออายัดได้ เพราะไม่มีสิทธิในที่ดินโดยตร

2. อายัดได้เฉพาะ “ที่ดิน” ไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง
อีกจุดที่หลายคนมักเข้าใจผิดคือ การอายัดครอบคลุมเฉพาะที่ดิน ไม่รวมถึงบ้าน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บนที่ดินนั้น ดังนั้นหากมีบ้านอยู่บนที่ดิน การอายัดจะผูกพันเฉพาะสิทธิในโฉนดที่ดิน ไม่ใช่ตัวสิ่งปลูกสร้าง
3. เงื่อนไขสำคัญก่อนการยื่นขออายัด
- ต้องเป็นกรณีที่ ยังไม่มีการฟ้องคดีต่อศาล
- จุดประสงค์ของการอายัดตามมาตรา 83 คือเพื่อให้ผู้ขอไปดำเนินการฟ้องร้องในภายหลัง
- ถ้ามีการฟ้องศาลแล้ว จะ ไม่สามารถยื่นอายัดที่ดินซ้ำได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การอายัดเป็นเพียง “มาตรการกันไว้ชั่วคราว” ไม่ใช่การตัดสิทธิขาด
4. หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นอายัด
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ดินพิจารณา ผู้ยื่นต้องนำ หลักฐานทางกฎหมาย ที่ชัดเจนมายืนยันสิทธิของตน เช่น
- สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน
- หลักฐานสิทธิการรับมรดก
- เอกสารสิทธิอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
พยานบุคคลหรือคำบอกเล่าเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเป็น หลักฐานเอกสารจริง เท่านั้น

5. ขั้นตอนการพิจารณาอายัดที่ดิน
- ยื่นคำร้องต่อ สำนักงานที่ดิน ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่
- เจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบหลักฐานที่ยื่นมา
- การพิจารณาจะไม่ต้องสอบถามเจ้าของที่ดินโดยตรง แต่พิจารณาตามหลักฐานของผู้ยื่น
- หากหลักฐานครบถ้วนและสมเหตุสมผล เจ้าหน้าที่สามารถออกคำสั่งอายัดได้ทันที
6. ระยะเวลาการอายัด
- การอายัดที่ดินมีผล 30 วันเท่านั้น
- เมื่อครบกำหนด อายัดจะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ
- ไม่สามารถยื่นขออายัดซ้ำในกรณีเดียวกันได้อีก
ดังนั้น ผู้ขออายัดจะต้องใช้เวลานี้ไปดำเนินการทางกฎหมาย เช่น การฟ้องคดี เพื่อรักษาสิทธิของตน
7. การคัดค้านการอายัด
หากผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่า การอายัดไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถยื่นคัดค้านได้ เจ้าหน้าที่ที่ดินจะตรวจสอบอีกครั้ง และหากพบว่าการอายัดไม่มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย ก็สามารถ เพิกถอนคำสั่งอายัด ได้

สรุป อายัดที่ดินคือเกราะคุ้มครองสิทธิชั่วคราว
- อายัดได้เฉพาะ ที่ดิน ไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง
- ผู้ที่มีสิทธิขออายัดต้องเป็น ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง เช่น ผู้ซื้อที่ทำสัญญาหรือทายาท
- มีผล 30 วัน และไม่สามารถอายัดซ้ำในเรื่องเดียวกัน
- เป็นเพียงมาตรการปกป้องสิทธิ ไม่ใช่การยึดทรัพย์
การเข้าใจ กฎหมายอายัดที่ดิน จะช่วยให้เจ้าของที่ดิน นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ทันท่วงที และลดความเสี่ยงจากการเสียสิทธิในที่ดินโดยไม่ตั้งใจ