สรุปสาระสำคัญ กฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 มีสาระสำคัญ 3 ประการดังนี้
1. ปรับปรุงเกณฑ์ “ที่พักไม่เป็นโรงแรม”
- เดิม: ไม่เกิน 4 ห้อง ผู้พักไม่เกิน 20 คน
- ใหม่: ไม่เกิน 8 ห้อง ผู้พักไม่เกิน 30 คน
- ผู้ประกอบการต้อง แจ้งนายทะเบียนโรงแรม → ตรวจสอบสถานที่ →หากผ่านเกณฑ์จะได้รับหนังสือรับแจ้ง
- หากยกเลิกการให้บริการ ต้องแจ้งนายทะเบียนด้วย
2. ปรับปรุงประเภทโรงแรม
- เดิม
- ประเภท 1 คือห้องพักอย่างเดียว
- ประเภท 2 คือห้องพัก + ห้องอาหาร
- มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนห้อง (ไม่เกิน 50 ห้อง)
- ใหม่
- โรงแรมประเภท 1 คือห้องพักอย่างเดียว ไม่จำกัดจำนวนห้อง (ไม่ติดล็อก 50 ห้องอีกต่อไป)
- โรงแรมประเภท 2 คือ ห้องพัก + อาหาร แม้จะมีเฉพาะห้องพักแต่เกิน 50 ห้อง ก็ถือเป็นประเภท 2
3. เพิ่มเกณฑ์รองรับอาคารรูปแบบพิเศษและห้องพักรวม
- อาคารที่มีรูปแบบพิเศษ เช่น
- แพ หรือคล้ายแพ
- สิ่งปลูกสร้างจากผ้าใบ เส้นใย ซากยานพาหนะ หรือแขวน/ยึดโยงสูงกว่า 2 เมตร
- มีข้อยกเว้นเรื่องช่องมองออกนอกห้องพักในบางกรณี
- ห้องพักรวม ต้องมีมาตรฐาน เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม เลขที่ประจำเตียง
- โรงแรมประเภท 3–4
- ขนาดห้องพักเป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคาร
- ยกเว้นให้โรงแรม ≤ 80 ห้อง ตั้ง “สถานบริการ” ได้ หากอยู่ในพื้นที่ที่กฎหมายอนุญาต
4. ประเภทโรงแรม
กฎหมายกำหนดโรงแรม 4 ประเภท ดังนี้
- ประเภท 1 ห้องพักอย่างเดียว ไม่เกิน 50 ห้อง
- ประเภท 2 ห้องพัก + ห้องอาหาร รวมถึงกรณีที่มีแต่ห้องพัก เกิน 50 ห้องขึ้นไป
- ประเภท 3 ห้องพัก + ห้องอาหาร + สถานบริการ (สปา ผับ บาร์ ฟิตเนส ฯลฯ)
- ประเภท 4 ห้องพัก + ห้องอาหาร + สถานบริการ + ห้องประชุมสัมมนา
คำอธิบาย กฎกระทรวงใหม่ (ฉบับที่ 2) ได้ปรับเกณฑ์เพิ่มเติมว่า ถ้าโรงแรมให้บริการเฉพาะห้องพักแต่เกิน 50 ห้อง จะถูกจัดอยู่ใน ประเภท 2 แทน
สรุปภาพรวม
- ขยายเกณฑ์รองรับ “โฮมสเตย์-ที่พักชุมชน” ขนาดเล็ก → จาก 4 ห้อง/20 คน เป็น 8 ห้อง/30 คน
- แก้ปัญหาข้อจำกัดจำนวนห้องของโรงแรมประเภท 1
- เปิดทางให้อาคารรูปแบบพิเศษและห้องพักรวม สามารถขอใบอนุญาตโรงแรมได้
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้โรงแรมขนาดกลาง-เล็ก ที่ต้องการมี สถานบริการ
ที่มา : asa.or.th
Post Views: 848
